รสสวาทแรงหึง 5

5 วันแล้วที่นัฐถิยาต้องทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เธอลางานตั้งแต่วันจันทร์ และไม่ออกไปไหนเลย นอกจากเก็บตัวอยู่กับบ้าน ว่างหรือเหงาก็เดินเล่นชมไม้ดอกไม้ผลภายในสวนหลังบ้าน แม้วิชัยเจ้านายของเธอจะโทรมาชวนไปข้างนอกบ้างก็ตาม แต่เธอก็ปฏิเสธโดยโกหกว่าไม่สบายขอพักผ่อน 1 อาทิตย์
..............
บ่ายวันเสาร์ นัฐถิยาตัดสินใจขับรถออกไปช็อปปิ้งที่ห้างดัง เพื่อหาซื้อของใช้ส่วนตัว และเปิดหูเปิดตาบ้าง หลังเธอทำใจได้แล้ว เธอเพลินกับการใช้เวลาเที่ยวชมและซื้อของนานเท่าไรไม่รู้ พอเหลือบดูเวลาอีกทีก็ทุ่มกว่าไปแล้ว
อุย! ทุ่มกว่าแล้วนี่
นัฐถิยาอุทานเบา ๆ ก่อนจะจัดการจ่ายเงินจนเรียบร้อยแล้วจึงโทร.ไปที่บ้านบอกไม่ต้องเตรียมอาหารรอ เพราะเธอจะทานข้างนอกเสร็จแล้วจึงจะเข้าบ้าน สาวนัฐจึงแวะไปที่ร้านอาหารมีระดับแห่งหนึ่ง เธอสั่งอาหารมาทานไปอย่างใจเย็นไม่รีบร้อนอะไร เวลาผ่านไป พออิ่มแล้ว สาวสวยก็ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านทันที…..
วันนี้ สาวนัฐตัดสินใจใช้ถนนทางลัดที่ต้องผ่านที่ดินรกร้างว่างเปล่ามีพื้นที่กว้างพอสมควร มันเป็นทางลัดเลี่ยงออกจากตัวเมืองกรุงดูเปลี่ยวสักหน่อย แต่ก็รวดเร็วดีเพราะเธอต้องการกลับถึงบ้านเร็วนั่นเอง ฝนฟ้าเริ่มโปรยปรายและหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ แต่นัฐถิยายังคงขับประคองรถเก๋งคู่กายไปอย่างนั้น แม้จะรู้สึกว่าถนนหนทางมันมืดไปหมดมองไม่เห็นทางข้างหน้าเลย แต่ก็อาศัยไฟหน้ารถช่วยส่องทางได้บ้าง........
โครมมมมมมมมมม!
เอี๊ยดดดดดดดดดดด.....
โอ๊ะ....
นัฐถิยาอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกว่ารถเก๋งคันงามของเธอได้ชนเข้ากับอะไรบางอย่างอย่างจังเสียงดัง...โครม.... พร้อมกับเหยียบเบรกรถกะทันหันทันที เธอตัดสินใจหยิบร่มลายลูกไม้ที่เก๊ะหน้ารถ เปิดประตูออกไปทั้งที่ฝนยังตกหนักอยู่พร้อมกับพึมพำเบาๆอย่างหงุดหงิดเนือยๆ
อะไรน้อออ...เฮ้อ..โอ๊ะ
สาวนัฐอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อมองเห็นร่างเด็กน้อยอายุราวๆ 5 ถึง 6 ขวบเลือนๆ นอนขดคู้อยู่ข้างหน้ารถเก๋งไม่ห่าง ร่างเปียกปอนไปหมด หญิงสาวหยุดชะงักนิดนึงก่อนรวบ รวมสติและความกล้าเข้าไปใกล้ๆร่างน้อยที่สงบนิ่งอยู่นั้น
โอย โอย ๆๆๆ
นัฐถิยาค่อยใจชื้นเมื่อได้ยินเสียงร้องครางเบาๆจากเด็กน้อย เธอเข้าไปใกล้ๆ และก้มลงถามเบาๆ
เป็นไรมากไหมจ๊ะ...หนู
โอย...ผมลุกไม่ไหวคับ...
เด็กน้อยร้องครางบอกเบาๆ พร้อมกับพยายามจะพลิกตัวกลับมาหาหญิงสาว แต่ก็ค่อนข้างจะเป็นไปด้วยความลำบาก นัฐถิยาจึงย่อตัวนั่งลงย่องๆ ยื่นมือไปช่วยเหลือจนเขาพลิกกลับมาเผชิญหน้ากับเธอได้
โอ..........
สาวนัฐร้องเบาๆ เมื่อร่างเด็กน้อยพลิกหงายกลับมาแล้วตะแคงข้างหันหน้ามาทางเธอ ที่เธอถึงกับร้องออกมานั้นก็เพราะสายตาเจ้ากรรมดันไปปะทะกับความเป็นชายของเจ้าหนูเข้าให้อย่างจัง เจ้าหนอนน้อยที่นอนขดตัวอย่างหนาวสั่นนั้นเมื่อเธอสัมผัสด้วยสายตาเข้า มันกลับพยักเพยิดทักทายสายตาเธออย่างน่าประหลาด รูปร่างกะจ้อยร่อยของมันดูน่ารักมากกว่าน่าสยิว
แต่ที่ยิ่งกว่านั้น มันถึงกับทำเอาสาวนัฐรู้สึกเสียววาบที่ร่องสวาทขึ้นมาทันทีทันใด เมื่อเธอเหมือนกับตาฝาดมองเห็นว่าเจ้าหนอนน้อยนั้นมันขยายตัวขึ้นใหญ่โตมาปุ๊บปั๊บกะทันหัน แต่เมื่อเธอตั้งสติได้ เพ่งมองดูมันตรงๆก็ยังเห็นมันนอนขดอยู่ที่เดิมอย่างนั้น
พี่สาวคับ...ช่วยผมด้วย...โอย...
สาวนัฐได้สติเมื่อเด็กชายเอ่ยเรียกขอความช่วยเหลือ
ลุกไหวมั้ยจ๊ะ...มา...พี่ช่วย
นัฐถิยาช่วยพยุงเด็กชายให้ลุกขึ้นนั่ง จังหวะนั้นเองสายตาของเธอก็ประสานกับสายตาอันเย็นยะเยือกของเด็กชายอย่างจัง นัฐรู้สึกว่าสายตาของเขามีพลังสะกดเธอได้อย่างมาก ดูสายตาของเขาเป็นมิตรและวิงวอนอย่างชัดเจน เด็กชายยิ้มน้อยๆ ทำให้สาวนัฐเองก็ยิ้มรับเขาอย่างผูกพันบอกไม่ถูก ใบหน้ากลมรับกับปากจมูกตาที่สมส่วน และที่ดูเด่นเป็นอย่างมากก็คือคิ้วที่ดกหนา ดูรวมๆแล้วเด็กชายคนนี้น่ารักมากสำหรับเธอ
ขึ้นรถก่อนเถอะจ๊ะ...ดูซิหนาวแย่แล้ว...
นัฐพยุงเด็กชายขึ้นรถก่อนเธอจะประจำที่คนขับ ควบพวงมาลัยไปตามถนนอันมืดมิดด้วยสายฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างหนักเช่นเดิม
หนูบ้านอยู่ไหนจ๊ะ...ไปงัยมางัยได้มาอยู่นี้ล่ะ
หญิงสาวเอ่ยถามขณะยังคงค่อยประคองเก๋งคันงามไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีคำตอบกลับ มา เธอจึงชำเลืองไปมองเห็นร่างเด็กชายสั่นงันงกด้วยความหนาวเย็นของแอร์ในรถอีกคำรบหนึ่ง จึงหยุดรถและถอดเสื้อคลุมของเธอไปห่มให้ด้วยใจเต็มเปี่ยมด้วยความรักเมตตา ก่อนจะขับรถต่อไป
โอย...พี่สาวคับ...จะพาผมไปไหนคับ..
อ้าว...ตื่นแล้วเหลอจ๊ะ...หนู...แล้วหนูจะให้พี่ไปส่งไหนล่ะ
นัฐถิยาถามกลับพร้อมกับหันไปยิ้มให้เขา ซึ่งเด็กชายก็ยิ้มรับอย่างอบอุ่น ดูเขาสดชื่นขั้นเยอะเมื่อได้ห่มเสื้อคลุมแล้ว หญิงสาวรู้สึกว่าเธอถูกเด็กชายจ้องมองอยู่ตลอดเวลา และก็เป็นจริงอย่างที่เธอรู้สึก สายตาคู่นั้นจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างหวานเยิ้มและภูมิใจ เขาจ้องมองและอมยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ ผู้หญิงคนนี้ ถ้านัฐถิยามีญาณวิเศษเธอคงจะเป็นลมล้มพับหมดสติไปแน่เลย ถ้าเธอรู้ว่าเด็กชายนี้แท้ที่จริงคือ..........
ตึงๆๆ
โอ๊ะ...ฮิๆๆๆๆ
อ๊ะ....ฮิๆๆๆๆ
ทั้งสองร้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกว่ารถมันกระเด็นกระดอนขึ้นเพราะตกหลุมกลางทางนั่นเอง ก่อนจะมองหน้ากันหัวเราะอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง สักพักนัฐถิยาจึงถามเด็กชาย
หนู...บ้านอยู่ไหนจ๊ะ..แล้วจะให้พี่ไปส่งไหนล่ะ
เด็กชายหยุดหัวเราะและนิ่งอึ้งใบหน้าดูเริ่มเศร้าลง สาวนัฐจึงถามอีก
ว่าไงจ๊ะ...หนู
ผมไม่มีบ้าน...พ่อแม่ผมไม่รู้อยู่ไหน...ผมอยู่คนเดียว ไปเรื่อยๆ...จนมาเจอพี่สาวนี้แหละ..ฮือๆๆๆๆๆๆ
เด็กชายร้องไห้เบาๆ พูดอย่างสะอึกสะอื้น ก่อนจะก้มหน้าร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร
พี่สาวคับ...ขอผมไปอยู่กับพี่สาวได้ไหมคับ...ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
จ๊ะๆๆๆ...ตกลงจ๊ะ...ไปอยู่กับพี่ก็ได้นะ..
นัฐถิยาอดสงสารเขาไม่ได้ รู้สึกเจ็บปวดจับใจที่เห็นเด็กชายคนนี้ร้องไห้อย่างนั้น ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจรับปากให้เขาไปอยู่ด้วย ทั้งๆที่อีกใจหนึ่งเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเธอพูดออกไปอย่างนั้นได้อย่างไร.....หรือว่าเธอโดนสะกด..........
..............
เวลาที่ผ่านไป ถ้าเป็นสภาพอากาศปกติป่านนี้เธอคงถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว แต่นี่เพราะฝนตกหนัก เธอจึงไปแต่ประคองเก๋งคันงามคลานไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่รู้สึกกระวนกระวายใจใดๆเลย กลับรู้สึกสบายใจอีกต่างหาก แต่ที่เธอรู้สึกได้ชัดเจนตอนนี้ก็คือ เธอหนาวมาก เพราะความเย็นของแอร์ และยิ่งเธอถอดเสื้อคลุมออกเหลือแต่เสื้อยืดสีขาวที่ติดแน่นกับร่างงามจนหนั่นเนื้อสองเต้าดันดุนออกมาอย่างเห็นได้ชัด
พี่สาวคับ...
หนูห่มเถอะ...พี่ทนได้จ๊ะ
นัฐถิยาพูดกับเด็กชายที่ยื่นเสื้อคลุมส่งให้เธอ เพราะเขาสังเกตเห็นอาการสั่นเทาของหญิงสาวได้ชัดเจน แต่สาวนัฐก็บอกให้เขาห่มเอง ทั้งสองสบตากันอีกครั้งแล้วก็ต่างยิ้มอย่างมีความสุข เก๋งคันงามยังคงคลานไปเรื่อยๆอย่างน่ารำคาญกับวัยที่ยังสดใสของมัน สายฝนก็ยังคงตกหนักอย่างนั้น สายลมก็กรรโชกแรงอย่างกับว่าสะใจกับเหตุการณ์นี้....
ซีดดด...อืออออ...
นัฐถิยารู้สึกหนาวเย็นจนตัวสั่นได้ร้องครางออกมาเบาๆ และก็ประคองรถต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งทุกอย่างเด็กชายรู้เห็นหมด เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง สาวนัฐเพลินอยู่กับการขับรถก็ต้องสะดุ้งตกใจร้องออกมาเบา ๆ
โอ๊ะ....อุยยยย...หนู
………………….

เรื่องโดยท่าน นัฐถิยา